.
.
เวลาซื้อแหวนเพชรแท้มาสักวง สิ่งแรกที่คนใกล้ชิดมักถามก่อนคือ “น้ำอะไร?” “ขนาดเท่าไหร่?” “มีตำหนิหรือเปล่า?” 3 คำถามนี้จะได้คำตอบเป็น ระดับสี (C Color) ขนาดเป็นกะรัต (C Carat) และ ระดับความบริสุทธิ์ของเพชร (C Clarity) แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ตัว C 3 ตัวนี้ก็คือ C Cut หรือระดับคุณภาพการเจียระไนนั่นเอง
.
ระดับคุณภาพการเจียระไนหมายถึงความสมสัดส่วนและฝีมือของช่างในการเจียรแต่งเพชร เป็นตัว C ตัวเดียวที่มีผลมาจากฝีมือมนุษย์ หากลองพิจารณาลักษณะของเพชรดิบที่ยังไม่ได้เจียระไนอันไร้ซึ่งเสน่ห์ของเพชรโดยสิ้นเชิง แต่ด้วยเทคโนโลยีและทักษะของช่างฝีมือ เพชรจึงได้อวดโฉมที่แท้จริงคือประกายไฟอันชวนให้หลงใหลได้ เพชรที่ถูกเจียระไนแล้วประกอบไปด้วย 3 คุณลักษณะดังนี้
.
1. ความเป็นประกาย (Brilliance): แสงทั้งหมดที่ถูกสะท้อนจากเหลี่ยมต่าง ๆ ของเพชรที่กระทบกลับเข้าสู่ตาผู้ชม
.
2. การเล่นไฟ (Fire): การกระจายของแสงเป็นสีครบ 7 สี (สเปรคตรัม) ในตัวเพชร
.
3. ความระยิบระยับ (Scintillation): การส่องแสงแวววาวและความมีชีวิตชีวาในตัวเพชรเมื่อถูกขยับไปมา
.
ความสมสัดส่วนของเพชรหมายถึงความสัมพันธ์ของหน้า Table, ความลึก (Depth), องศาด้านบน (Crown Angle), และ องศาด้านล่าง (Pavilion Angle) ของเพชร ซึ่งไม่ควรพิจารณาแยกกัน ที่ ProudGems เพชรทรงกลมทุกเม็ดจะถูกนำค่า % และองศาคำนวณด้วย Software มาตรฐานสากลออกมาเป็นผลที่สามารถบ่งบอกอัตราการเล่นแสงของเพชร (Light Return Performance) ได้ จากนั้นจึงได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งว่าเป็นเพชรเจียระไนระดับ “Perfect Cut” หรือเพชรที่ให้ประกายไฟมากกว่าเพชร 3EX ธรรมดาทั่วไปนั่นเอง
.
ในส่วนของฝีมือการเจียระไนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือฝีมือการปัดเงาพื้นผิวด้านนอกทั้งหมดของเพชร (Polish) และส่วนที่สองคือความสมมาตร (Symmetry) หรือความพิถีพิถันในการจัดวางเหลี่ยมแต่ละเหลี่ยมให้ชนกันได้อย่างแม่นยำที่สุด จึงจะออกมาเป็นเพชรที่ให้ประกายไฟได้มากที่สุด สมเป็น “เพชรเหนือเพชร” โดยแท้จริง
.
บทความโดยคุณศุภมาส เอกบัณฑิต Jewelry Creator ผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดสรรเพชรและด้านการดีไซน์เครื่องประดับกับประสบการณ์กว่า 20 ปี
.
*ขอขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ “DIAMONDS” โดย Marijan Dundek; NOBLE GEMS INTERNATIONAL 2009